
คู่มือเลือกแอร์สำหรับคาเฟเพดานสูง 20–80 ตร.ม.
หน้าแรกTeeNee รีวิวบ้าน สวน บิลท์อิน ตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์น่าใช้ คู่มือเลือกแอร์สำหรับคาเฟเพดานสูง 20–80 ตร.ม.

สำหรับเจ้าของคาเฟที่มีเพดานสูง โปร่ง โล่ง การเลือกแอร์ให้เย็นเร็วประหยัดไฟและไม่รบกวนบรรยากาศด้วยเสียงเครื่องเป็นเรื่องท้าทายกว่าบ้านทั่วไป เพราะ"ปริมาตรอากาศ" ในร้านมากกว่า ความร้อนจากเตาอบ-เครื่องชงกาแฟก็สูงกว่าแถมประตูเปิด-ปิดตลอดวันทำให้ลมรั่วไหล (infiltration)เพิ่มภาระการทำความเย็นบทความนี้จึงจะมาสรุปแนวคิดและเทคนิคสำคัญเพื่อช่วยคุณเลือกแอร์ที่เหมาะกับคาเฟเพดานสูงขนาด 20-80 ตร.ม.

1) คิดตามปริมาตรและภาระความร้อนจริง
ห้องเพดานสูง 4-5 เมตรมีปริมาตรอากาศมากกว่าห้องเพดาน 2.6
เมตรเกือบเท่าตัว แม้พื้นที่เท่ากัน ภาระความเย็น (BTU)
จึงไม่ควรคิดจากพื้นที่อย่างเดียว แนวทางคร่าว ๆ คือเริ่มที่ 800-1,000 BTU/ตร.ม.
สำหรับคาเฟที่มีคนเข้า-ออกทั้งวัน แล้วบวกเพิ่มอีก 10-30%
หากมีผนังกระจกหันทิศตะวันบ่าย เครื่องชงกาแฟ/เตาอบหลายตัว
หรือประตูเปิดบ่อย การเผื่อ BTU ที่เหมาะสมช่วยให้แอร์ไม่ทำงานหนักเกินไป
อายุใช้งานยาวขึ้นและกินไฟน้อยลงในภาพรวม
2) เลือกประเภทแอร์ให้เข้ากับเพดานสูงและการไหลเวียนลม
- แอร์แขวนใต้ฝ้า/คาสเซต (Cassette 4-way หรือ 1-way) :กระจายลมได้รอบทิศ เหมาะกับเพดาน 3-4.5 เมตร วางตำแหน่งกลางร้านหรือตามแกนที่นั่ง ลด "จุดร้อน" ตามมุมร้าน
- แอร์ Ducted : ซ่อนตัวเครื่องเหนือฝ้า กระจายลมผ่านปล่องสามารถออกแบบช่องลมตามผังร้านได้สวยและเงียบเหมาะกับคาเฟ่ที่ต้องการภาพรวมมินิมอล
- แอร์ผนัง (Wall-mount) กำลังสูง : ใช้ได้กับร้านเล็ก 20-30 ตร.ม.แต่ต้องวางตำแหน่งไม่ให้ลมเป่าชนลูกค้าโดยตรงและคุมเสียงขณะคอมเพรสเซอร์เร่งรอบ
เคล็ดลับสำหรับร้านเพดานสูง : ใช้แผงใบพัดปรับทิศ/ครีบปรับลมชี้ลมลงต่ำช่วงเปิดร้านเพื่อดึง "ชั้นอากาศเย็น" ลงมาแล้วตั้งเป็นสวิงกว้างเมื่ออุณหภูมิคงที่ ลดการทำงานหนักของคอมเพรสเซอร์
3) อย่าฝากอากาศบริสุทธิ์และกลิ่นทั้งหมดไว้ที่แอร์
คาเฟมีทั้งกลิ่นคั่วกาแฟ อบขนม และละอองน้ำมันจากครัวหากไม่มีการระบายอากาศที่ดี แอร์จะวนกลิ่นเดิมไปมา ควรเสริมระบบ FreshAir/DOAS หรือพัดลมระบายอากาศที่คำนวณอัตราแลกเปลี่ยนอากาศ (ACH)ให้พอเหมาะ โดยตั้งให้รับอากาศใหม่ในช่วงพีก และวาง ฮูดดูดควัน เหนือเตา/เตาอบโดยตรง จะช่วยลดภาระแอร์และทำให้ร้านหอมสะอาดกว่า
4) ในส่วนของเสียงรบกวน ให้ดูค่า dB(A) ที่ระดับใช้งานจริง
คาเฟต้องการบรรยากาศสบายและบทสนทนาที่ไม่สะดุดเลือกแอร์ที่ระดับเสียงลมและเสียงคอมเพรสเซอร์ต่ำ โดยพิจารณาค่า dB(A)ที่รอบพัดลมซึ่งคุณจะใช้งานจริง ไม่ใช่เฉพาะที่ "โหมดเงียบสุด" ที่ไม่ค่อยได้ใช้และแยกตำแหน่งคอนเดนซิ่งยูนิตให้ห่างจากมุมถ่ายรูป/พื้นที่นั่งนอกอาคารเพื่อ
ลดเสียงฮัม
5) อินเวอร์เตอร์ + เซนเซอร์ตรวจจับคน = ประหยัดไฟ
คาเฟมีโหลดความเย็น "แปรผัน" ตามจำนวนลูกค้าและช่วงเวลาเลือกแอร์อินเวอร์เตอร์ เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ปรับรอบตามภาระจริงเพิ่มความสบายและประหยัดไฟ หากรุ่นที่เลือกมีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว/อุณหภูมิพื้นผิว (MDS/IR)จะช่วยเบี่ยงทิศลมหรือผ่อนกำลังเมื่อโซนหนึ่งว่างลดการเป่าลมใส่ลูกค้าโดยตรงและลด kWh ได้จริงคาเฟเพดานสูงต้องออกแบบระบบความสบายทั้งหมดไม่ใช่พึ่งแอร์เพียงอย่างเดียว การคำนวณภาระความเย็นตามปริมาตรอากาศเลือกประเภทเครื่องให้เหมาะกับเพดานและผังที่นั่ง เสริมระบบอากาศใหม่ คุมเสียง และวางแผนบำรุงรักษา คือองค์ประกอบที่ทำให้ร้านเย็นสบายประหยัดไฟ และรักษาบรรยากาศที่ดีจนลูกค้าอยากนั่งนานขึ้นหากกำลังรีโนเวตร้าน ขอให้เริ่มคุยกับวิศวกรหรือช่างตั้งแต่ขั้นออกแบบจะช่วยลดการแก้งานภายหลังและได้ผลลัพธ์คุ้มค่าที่สุดสำหรับแอร์ของคาเฟคุณ
ห้องเพดานสูง 4-5 เมตรมีปริมาตรอากาศมากกว่าห้องเพดาน 2.6
เมตรเกือบเท่าตัว แม้พื้นที่เท่ากัน ภาระความเย็น (BTU)
จึงไม่ควรคิดจากพื้นที่อย่างเดียว แนวทางคร่าว ๆ คือเริ่มที่ 800-1,000 BTU/ตร.ม.
สำหรับคาเฟที่มีคนเข้า-ออกทั้งวัน แล้วบวกเพิ่มอีก 10-30%
หากมีผนังกระจกหันทิศตะวันบ่าย เครื่องชงกาแฟ/เตาอบหลายตัว
หรือประตูเปิดบ่อย การเผื่อ BTU ที่เหมาะสมช่วยให้แอร์ไม่ทำงานหนักเกินไป
อายุใช้งานยาวขึ้นและกินไฟน้อยลงในภาพรวม
2) เลือกประเภทแอร์ให้เข้ากับเพดานสูงและการไหลเวียนลม
- แอร์แขวนใต้ฝ้า/คาสเซต (Cassette 4-way หรือ 1-way) :กระจายลมได้รอบทิศ เหมาะกับเพดาน 3-4.5 เมตร วางตำแหน่งกลางร้านหรือตามแกนที่นั่ง ลด "จุดร้อน" ตามมุมร้าน
- แอร์ Ducted : ซ่อนตัวเครื่องเหนือฝ้า กระจายลมผ่านปล่องสามารถออกแบบช่องลมตามผังร้านได้สวยและเงียบเหมาะกับคาเฟ่ที่ต้องการภาพรวมมินิมอล
- แอร์ผนัง (Wall-mount) กำลังสูง : ใช้ได้กับร้านเล็ก 20-30 ตร.ม.แต่ต้องวางตำแหน่งไม่ให้ลมเป่าชนลูกค้าโดยตรงและคุมเสียงขณะคอมเพรสเซอร์เร่งรอบ
เคล็ดลับสำหรับร้านเพดานสูง : ใช้แผงใบพัดปรับทิศ/ครีบปรับลมชี้ลมลงต่ำช่วงเปิดร้านเพื่อดึง "ชั้นอากาศเย็น" ลงมาแล้วตั้งเป็นสวิงกว้างเมื่ออุณหภูมิคงที่ ลดการทำงานหนักของคอมเพรสเซอร์
3) อย่าฝากอากาศบริสุทธิ์และกลิ่นทั้งหมดไว้ที่แอร์
คาเฟมีทั้งกลิ่นคั่วกาแฟ อบขนม และละอองน้ำมันจากครัวหากไม่มีการระบายอากาศที่ดี แอร์จะวนกลิ่นเดิมไปมา ควรเสริมระบบ FreshAir/DOAS หรือพัดลมระบายอากาศที่คำนวณอัตราแลกเปลี่ยนอากาศ (ACH)ให้พอเหมาะ โดยตั้งให้รับอากาศใหม่ในช่วงพีก และวาง ฮูดดูดควัน เหนือเตา/เตาอบโดยตรง จะช่วยลดภาระแอร์และทำให้ร้านหอมสะอาดกว่า
4) ในส่วนของเสียงรบกวน ให้ดูค่า dB(A) ที่ระดับใช้งานจริง
คาเฟต้องการบรรยากาศสบายและบทสนทนาที่ไม่สะดุดเลือกแอร์ที่ระดับเสียงลมและเสียงคอมเพรสเซอร์ต่ำ โดยพิจารณาค่า dB(A)ที่รอบพัดลมซึ่งคุณจะใช้งานจริง ไม่ใช่เฉพาะที่ "โหมดเงียบสุด" ที่ไม่ค่อยได้ใช้และแยกตำแหน่งคอนเดนซิ่งยูนิตให้ห่างจากมุมถ่ายรูป/พื้นที่นั่งนอกอาคารเพื่อ
ลดเสียงฮัม
5) อินเวอร์เตอร์ + เซนเซอร์ตรวจจับคน = ประหยัดไฟ
คาเฟมีโหลดความเย็น "แปรผัน" ตามจำนวนลูกค้าและช่วงเวลาเลือกแอร์อินเวอร์เตอร์ เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ปรับรอบตามภาระจริงเพิ่มความสบายและประหยัดไฟ หากรุ่นที่เลือกมีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว/อุณหภูมิพื้นผิว (MDS/IR)จะช่วยเบี่ยงทิศลมหรือผ่อนกำลังเมื่อโซนหนึ่งว่างลดการเป่าลมใส่ลูกค้าโดยตรงและลด kWh ได้จริงคาเฟเพดานสูงต้องออกแบบระบบความสบายทั้งหมดไม่ใช่พึ่งแอร์เพียงอย่างเดียว การคำนวณภาระความเย็นตามปริมาตรอากาศเลือกประเภทเครื่องให้เหมาะกับเพดานและผังที่นั่ง เสริมระบบอากาศใหม่ คุมเสียง และวางแผนบำรุงรักษา คือองค์ประกอบที่ทำให้ร้านเย็นสบายประหยัดไฟ และรักษาบรรยากาศที่ดีจนลูกค้าอยากนั่งนานขึ้นหากกำลังรีโนเวตร้าน ขอให้เริ่มคุยกับวิศวกรหรือช่างตั้งแต่ขั้นออกแบบจะช่วยลดการแก้งานภายหลังและได้ผลลัพธ์คุ้มค่าที่สุดสำหรับแอร์ของคาเฟคุณ
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!