เมื่อเดือนสิงหาปีที่แล้วผมตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งที่ลำลูกกาครับ ผมย้ายออกจากบ้านเช่าที่ลาดพร้าวเพราะคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรจะมีบ้านของตัวเองซักที ตอนแรกอยากซื้อคอนโดแถวๆนั้นอยู่ครับ แต่ติดปัญหาที่ว่าผมทำงานกับภาพยนตร์ มีการมิกซ์เสียง มีการตัดต่อ และชอบฟังเพลงมาก จึงเสียงดัง อยู่คอนโดไม่ได้ครับ สงสารห้องข้างๆ สาเหตุที่ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เพราะมันมีห้อง master bedroom ที่กำลังเหมาะกับการทำโรงหนังในบ้านเลยครับ บ้านอื่นเค้าเอาไว้นอนกัน ผมไม่นอน ผมไปนอนห้องเล็ก ไม่แคร์เรื่องแฟนด้วยครับ เพราะไม่มี 555 ซื้อบ้านอยู่คนเดียวไม่เห็นจะเป็นไรเลยครับผมว่า
รีวิว! สร้างโรงหนังส่วนตัวในบ้าน!! งบไม่เกิน 2 แสน
ผมหาผู้รับเหมาะอยู่หลายเจ้าเหมือนกันสำหรับการสร้าง studio theater ห้องนี้ หายากมากครับ เมืองไทยมีไม่กี่เจ้าที่รับทำ แล้วงานที่ออกมาก็ไม่ถูกใจผมเท่าไหร่ครับ เท่าที่เจอคือเค้าจะบุนวมผนังทุกด้าน ทำให้เสียงมัน dead เกินไป จนมาเจอเจ้านี้นะครับ ผมไม่บอกว่าบริษัทอะไรเดี๋ยวจะเป็นการโฆษณา อยากรู้หลังไมค์นะครับ เอาเป็นว่าเจ้าของบริษัทจบคอร์ส THX ของ Lucas Film และ HAA มาครับ (รู้สึกเมืองไทยจะมีแค่ไม่ถึง 5 คน ถ้าผมจำไม่ผิด) เป็นเจ้าเดียวที่เข้าใจว่าผมต้องการจะทำอะไร เลยตัดสินใจจ้างครับ
โจทย์ของการทำห้องนี้ก็คือ
1. มันจะต้องกันเสียงได้ ต่อให้ผมทำอะไรบึ้มบั้มกระหึ่มไปสามบ้านแปดบ้านตอนตี 3-4 ข้างบ้านจะต้องไม่ได้ยิน
2. อคูสติคจะต้องดี เอาง่ายๆคือฟังเพลงแล้วเพราะ ดูหนังแล้วโอเค ไม่ก้องเกินไป ไม่ดิบเกินไป เอาให้ได้เหมือนเวลาเราไปมิกซ์เสียงหนังในสตูดิโอครับ
3. งบห้ามเกิน 2.5 แสน เพราะผมต้องเอาเงินไปซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมด้วย
มาดูห้องก่อนเริ่มก่อสร้างนะครับ
เจ้าของบริษัทกับทีมงานมาถึง ขนอุปกรณ์ Death Star เข้าบ้านเลยครับ ตกใจมาก มันคืออะไรวะ!? มันคืออุปกรณ์วัดค่าเสียงของห้องครับ วัดออกมาแล้วห้องนี้ปัญหาเสียงก้องเยอะมาก และเก็บเสียงแทบไม่ได้เลย เสียงออกตามประตูหน้าต่างและเพดานเยอะมาก ผมตัดสินใจไม่เอาหน้าต่างไว้เลยครับ (ถึงได้เสียดายวิวไง) ก่อปิดไปเลย ยังไงห้องนี้ก็ฉายโปรเจ็คเตอร์เป็นหลักอยู่แล้ว มันต้องคุมแสงได้ 100% ครับ ห้ามมีอะไรลอดเข้ามา แล้วก็ก่อปิดประตูห้องน้ำไป ประตูกระจก ถอดออก ก่อปิดครึ่งนึง เหลือระเบียงไว้ครับ เผื่อลูกค้ามาดูหนังแล้วเครียดอยากออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงก็ไปได้ 555555 (วงการหนังสูบจัดกันทั้งนั้นแหละครับ สูบกันเป็นโรงสีเลย)
หลังจากก่อปิดแล้ว ดีไซน์เนอร์จัดการเอาไม้เฌอร่ามาปิดตกแต่ง ให้เข้ากับดีไซน์บ้านของเดิมครับ แต่ยังไม่ได้ติดประตู ประตูเป็นประตูกันเสียงอย่างหนา แบบที่ใช้ในสตูดิโอครับ
ตอนนี้ข้างนอกบ้านจะเป็นแบบนี้นะครับ ไม่เหลือหน้าต่างแล้ว เหลือแต่ตรงมุมที่ผมเก็บไว้บานหนึ่งของห้องคอนโทรลครับ ห้องคอนโทรลผมจะเอาเครื่องเสียงที่ไม่ต้องการโชว์ไปวางไว้ในนั้น แล้วไลน์สายลำโพงเข้าไปในโซนที่นั่งชมครับ
รูปนี้คือแบ่งโซนกันครับ จะกั้นเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือส่วนที่เป็นโรงหนัง อีกส่วนคือห้องคอนโทรล ก็จะอารมณ์คล้ายๆโรงหนังจริงๆที่มีโซนที่คนนั่ง กับโซนของเครื่องฉาย ห้ามคนเข้าไปแหละครับ
ในรูปคือท่อร้อยสายลำโพงครับ เยอะมากๆ เยอะจนช่างยังงงว่าอะไรกันหนา 5555 คืองี้ครับ ระบบเสียงที่ใช้คือ 9.1 Channel ลำโพงเลยเยอะครับ พอลำโพงเยอะ สายมันก็เยอะ นี่ยังไม่คิดจะอัพไป Dolby Atmos นะครับ รอให้มันนิ่งก่อนค่อยว่ากัน ช่างร้อยสายแล้วโยงเข้าผนังครับ เพื่อความเรียบร้อยสวยงาม
พอร้อยสายเสร็จ ก็เริ่มใส่ฉนวนกันเสียงครับ เป็นฉนวนใยหิน จริงๆผมไม่อยากใช้ครับ สงสารช่าง แต่มันถูกสุดแล้ว T_T
นอกเหนือจากพื้นแล้ว บนเพดานยังไม่จบนะครับ ที่เห็นในภาพเรียกว่า Sound Absorber ครับ มีหน้าที่ซับเสียง ปรับอคูสติคห้องให้เสียงดีครับ มีติดที่ผนังอีกชุดนึงด้วย เดี๋ยวจะเห็นในรูปข้างล่างนะครับ
ทีนี้เริ่มติดลำโพงกันละครับ นับเอาเองว่ากี่ตัว บนเพดานด้วยนะครับ เป็นลำโพง Front Hight เพิ่มมิติทางด้านสูงครับ นี่ยังไม่เสร็จนะครับ เดี๋ยวต้องเก็บบัวอะไรกันอีกมากมาย
โซนข้างหลังเสร็จแล้ว ผมรีบย้ายของมาลง เอาโต๊ะมาวาง เอาโซฟามาตั้งเลยครับ ต้องรีบทำงานไปด้วยครับ ไม่เสร็จช่างมัน พอพรีวิวอะไรได้ก็ยังดีครับ
แล้วก็มาทำโซนด้านหน้ากันครับ ติดลำโพงอะไรกันเรียบร้อยไปแล้ว ก็ขึ้นโครงไม้สำหรับจอภาพครับ งานนี้ต้องแม่นเป๊ะกันมากๆ คำนวนแล้วคำนวนอีกว่าขนาดมันจะต้องเท่าไหร่กับระยะของเครื่องฉาย ช่างก็งงผมอีกแล้วครับว่าพี่ทำอัลลัยของพี่เนี้ยยยยยย (จริงๆช่างทีมไหนมาก็ถามว่านี่มันห้องอะไร 5555)
เสร็จแล้ว...... หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
ขอขอบคุณรีวิวจากคุณ : แมงกุ๊ดจี่สีแพลททินัม (สมาชิกเว็บพันทิพย์)